โม่ สัมบุณณานนท์ เกิดเมื่อ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2449 ที่กรุงเทพฯ เป็นบุตรของนายกิ๊ด-นางอุ่น สัมบุณณานนท์ เป็นพี่ชายของคำรณ สัมบุณณานนท์ นักร้องชื่อดัง
เมื่อเป็นนักเรียนโรงเรียนปทุมคงคา โม่เริ่มสนใจกีฬามวยสากลที่เรียกกันในสมัยนั้นว่ามวยฝรั่ง หัดมวยครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2464 ขณะอายุ 18 ปี กับครูวาด ยิ้มละมัย พ.ศ. 2465 เข้าแข่งขันมวยนักเรียนรุ่นข. (126 ปอนด์) ตกรอบคัดเลือก พ.ศ. 2466 เข้าแข่งขันรุ่นเดิมอีกครั้ง ได้รางวัลชนะเลิศ พ.ศ. 2467 ย้ายไปเรียนโรงเรียนพณิชยการวัดแก้วแจ่มฟ้าล่าง สมัครเข้าแข่งมวยนักเรียนรุ่นข.อีก ได้รางวัลชนะเลิศอีกครั้ง พ.ศ. 2468 ถูกเกณฑ์ทหารจึงต้องออกจากโรงเรียน จน พ.ศ. 2470 จึงปลดประจำการกลับมาซ้อมมวยอีกครั้ง
เมื่อมีการจัดให้นักมวยสากลชาวไทยชกกับนักมวยสากลต่างชาติเป็นครั้งแรกเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2472 โม่ขึ้นชกกับ ยีซิล โคโรน่า (ฟิลิปปินส์)และเป็นฝ่ายชนะน็อคในยกที่ 4 ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ของมวยสากลเมืองไทย
การชกระหว่างโม่กับโคโรน่านั้นมีนายเย ดี เพาเวลด์ ชาวอังกฤษเป็นผู้ตัดสินและมีการกระจายเสียงโดยหน่วยวิทยุทหารเรือไปต่างประเทศด้วย
การชกในยกที่ 1 โม่เป็นฝ่ายเดินบุกชกโคโรน่าอย่างต่อเนื่องจนโคโรน่าหน้าบวมปากแตก แต่กรรมการยังไม่ยอมจับแพ้ การชกดำเนินไปถึงยกที่ 4 ซึ่งยังเป็นไปในแบบเดิม พ.ต.ท. พระรักษาพลบุรีนายตำรวจที่ดูแลการชกจึงเข้าไปขอให้ยุติการชกเสียเพราะเกรงนักมวยฟิลิปปินส์จะเป็นอันตราย กรรมการจึงยุติการชกและตัดสินให้โม่เป็นฝ่ายชนะที.เค.โอ. ไปในยกนี้เอง
พอจดหมัดยัดผับ โม่ขยับต่อยเพียะ ซอยยีซิลฉับเฉียะ บ๊ะถูกเดียะเร็วไว ผับหน้าเผงจมูก ดูมันถูกทุกที่ ล่อโน่นขยับนี่ โม่ซอยถี่รุกใหญ่ ..... ฝ่ายตำรวจแลผิน เห็นฟิลลิปปินเจ็บมาก กลัวจะล้มตายซาก เพราะหมัดหนักคนไทย จึงห้ามเป็นเด็ดขาด ไม่ให้ฟาดกันต่อ ต่อยเท่านี้เป็นพอ เดี๋ยวจะม้อบรรลัย
หลังจากชกชนะในวันนั้น เทอรี่ โอคัมโป ติดต่อท้าทายโม่ เพื่อแก้มือแทนโคโรน่า โม่ตอบปฏิเสธไปหลายครั้ง แพราะถือว่าตนเป็นนักมวยสมัครเล่น แต่เมื่อ โอคัมดปไม่ยอมเลิกท้าทาย โม่จึงตัดสินใจขึ้นชกด้วย เป็นเหตุให้ เจ้าคุณภักดีนรเศรษฐ์ เจ้าของห้างน้ำแข็งนายเลิศ ซึ่งเป็นนายจ้างของโม่ไม่พอใจ จึงปลดโม่ออกจากงาน การถูกปลดออกจากงานนี่เองทำให้โม่หมดกำลังใจ และเป็นฝ่ายแพ้น็อค โอคัมโป ยก 4 ในที่สุดเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473
หลังจากชกแพ้ครั้งนั้น โม่ได้ประกาศเลิกชกมวยโดยเด็ดขาด พ.ศ. 2474 เข้าทำงานที่กรมรถไฟหลวงจนเกษียณเมื่อ พ.ศ. 2508 ถึงแก่กกรรมเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 ด้วยโรคเบาหวานกับเส้นเลือดในสมองอุดตัน รวมอายุได้ 72 ปี